วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552

ความเป็นมาของแสตมป์

ความเป็นมาของแสตมป์

กำเนิดแสตมป์ดวงแรกของโลก
แต่ก่อนการส่งจดหมายไปมาถึงกัน ยังไม่มีระบบฝากส่งที่ดีเช่นในปัจจุบัน ประเทศอังกฤษได้นำเอาแบบอย่างการไปรษณีย์ฝรั่งเศสมาดำเนินการประยุกต์ใช้ แต่ปรากฏว่าไม่ประสบผลดีเท่าที่ควรและขาดทุน เนื่องจากในระยะเริ่มต้นนั้น ผู้ส่งจดหมายไม่ต้องเสียค่าฝากส่ง บุรุษไปรษณีย์จะนำจดหมายไปส่งให้กับผู้รับและเรียกเก็บเงินจากผู้รับ จึงมีผู้หลีกเลี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินค่ารับจดหมายเป็นจำนวนมาก
ปี พ.ศ.2379 นายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ( Rowland Hill ) ชาวอังกฤษ ได้เสนอวิธีคิดค่าธรรมเนียมในการฝากส่ง โดยให้ถือน้ำหนักเป็นเกณฑ์ และกำหนดให้มีมาตรฐานต่อจดหมาย 1 ฉบับ ต่อ 1 เพนนี นอกจากนี้ได้เสนอให้มีการจัดพิมพ์ตราไปรษณียากร หรือแสตมป์ ( Postage Stamp ) สำหรับให้ผู้ใช้บริการซื้อไว้เพื่อปิดผนึกบนห่อซองจดหมาย ณ บริเวณมุมบนด้านขวามือ เพื่อแสดงให้ทราบว่าจดหมายฉบับนั้นได้ชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ข้อเสนอของนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอังกฤษ ประเทศอังกฤษจึงเป็นประเทศแรกที่ได้ปฏิรูปการไปรษณีย์เสียใหม่ โดยให้ผู้ฝากส่งเป็นผู้ชำระค่าจดหมายล่วงหน้า และแสตมป์ดวงแรกก็ได้อุบัติขึ้น เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2383



แสตมป์ชนิดราคา 1 เพนนีสีดำ มีพระบรมฉายาลักษณ์ผินพระพักตร์ข้างของสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย กษัตริย์อังกฤษในสมัยนั้น นักสะสมจึงเรียกกันทั่วไปว่า ชุด "เพนนีแบล็ค" ( PENNY BLACK ) แสตมป์ชุดแรกของโลกมีข้อสังเกตได้ว่าแตกต่างจากแสตมป์ชุดอื่นๆ 3 ประการ คือ ไม่มีชื่อประเทศ ไม่มีกาวด้านหลัง และไม่มีฟันแสตมป์ ด้วยจำนวนดวงในแผ่นมีทั้งสิ้น 240 ดวง เมื่อจะใช้ต้องใช้กรรไกรตัดออกมา ทำให้แสตมป์มีขอบเรียบทั้ง 4 ด้าน สำหรับนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ผู้ทำความดีแก่การไปรษณีย์อังกฤษอย่างเอนกอนันต์ ภายหลังสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย ได้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายโรว์แลนด์ ฮิลล์ ให้เป็นขุนนางชั้นบาธ ( BATH ) ตำแหน่ง เซอร์ โรว์แลนด์ ฮิลล์(Sir Rowland Hill )

ตัวอย่างแสตมป์ที่มีชื่อเสียง



เพนนีแบล็ค แสตมป์ดวงแรกของโลกจากสหราชอาณาจักร


Inverted Jenny แสตมป์ตลกของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดดวงหนึ่ง จากความผิดพลาดในการพิมพ์ทำให้ภาพเครื่องบินในแสตมป์กลับหัว พบทั้งหมด 1 แผ่น หรือ 100 ดวง

Triskilling Yellow แสตมป์ตลกของสวีเดนที่พบเพียงดวงเดียวในโลก หนึ่งในแสตมป์ที่แพงที่สุด ถูกประมูลเมื่อ พ.ศ. 2539 ที่ราคา 2.5 ล้านฟรังค์สวิส แสตมป์ราคา 3 สคิลลิงปกติมีสีเขียวอมน้ำเงิน แต่ดวงนี้มีสีเหลืองเหมือนราคา 8 สคิลลิง

แสตมป์ราคาหนึ่งเซ็นต์ของบริติชกิอานา (ปัจจุบันคือประเทศกายอานา)แสตมป์อีกดวงที่พบเพียงดวงเดียว (แต่ไม่ใช่แสตมป์ตลก) ประมูลครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ. 2523 ที่ราคา 935,000 เหรียญสหรัฐ

ประวัติการสะสมแสตมป์

ประวัติการสะสมแสตมป์

เมื่อแสตมป์ชุดแรกของโลก "เพนนี แบล็ค" ( PENNY BLACK ) ออกจำหน่ายแล้ว ประเทศต่างๆ จึงได้จัดพิมพ์แสตมป์ออกมาใช้ในกิจการไปรษณีย์ของตนบ้างหลังจากแสตมป์ดวงแรกออกจำหน่ายได้ประมาณ 2 ปี มีผู้พบเห็นประกาศแจ้งความในหนังสือพิมพ์ "Time of London" ในเช้าวันหนึ่งว่า ต้องการรับซื้อแสตมป์ใช้แล้วจำนวนมาก สุภาพสตรีผู้ลงประกาศท่านนี้เป็นครู เธอต้องการนำแสตมป์ดังกล่าวไปประดับฝาผนังเคหสถานของเธอ ต่อจากนั้นอีก 10 ปี ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ครูท่านหนึ่งได้ให้ลูกศิษย์หาแสตมป์ใช้แล้วมา เพื่อประกอบการเรียนวิชาภูมิศาสตร์ โดยเธอให้เด็กๆ ค้นหาว่าแสตมป์ที่นำมาเป็นของประเทศใด และประเทศนั้นอยู่บริเวณใดของแผนที่โลกการใช้แสตมป์เป็นสื่อการสอน ทำให้เด็กได้รับความรู้และสนุกสนาน หลังจากนั้นเป็นต้นมา การสะสมจึงพัฒนาก้าวหน้าขึ้น มีการนำมาเก็บใส่อัลบั้มสำหรับการสะสมในบ้านเรานั้น ได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับแสตมป์ชุดแรกของประเทศไทย โดยชาวต่างประเทศที่เข้ามารับราชการและติดต่อค้าขายเป็นผู้เริ่มต้นสะสมก่อน ภายหลังจึงมีการสะสมกันในหมู่ชาวไทย เพราะว่าแสตมป์เป็นสิ่งที่หาง่าย ราคาไม่แพง มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป จึงทำให้ผู้พบเห็นเกิดความเพลิดเพลิน เบิกบานใจ และได้รับความรู้ หากค้นคว้าถึงที่มาของภาพที่ปรากฏอยู่บนดวงแสตมป์

แสตมป์ไทยชุดแรกเริ่ม

แสตมป์ไทยชุดแรกเริ่ม


พิมพ์เมื่อ 4 สิงหาคม 2426

พิมพ์เมื่อ 1 เมษายน 2430

พิมพ์เมื่อ กันยายน 2442

แสตมป์ชุดแรกของไทย คือ แสตมป์ชุดที่หนึ่ง หรือ ชุดโสฬศ ออกเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ประกอบด้วยแสตมป์ราคา หนึ่งโสฬส (ครึ่งอัฐ) , หนึ่งอัฐ, หนึ่งเสี้ยว (สองอัฐ) , หนึ่งซีก (สี่อัฐ) , หนึ่งสลึง (สิบหกอัฐ) แสตมป์อีกดวงราคาหนึ่งเฟื้อง (แปดอัฐ) มาถึงล่าช้าและไม่มีการใช้งานจริงทางไปรษณีย์ แสตมป์ชุดนี้ออกแบบและพิมพ์ที่บริษัท วอเตอร์โลว์แอนด์ซันส์ (Waterlow and Sons) กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ในช่วงนั้นไทยยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์ แสตมป์ชุดนี้จึงยังไม่มีชื่อประเทศปรากฏบนดวง ส่วนแสตมป์ที่สั่งพิมพ์ชุดต่อ ๆ มาเป็นไปตามกฎของสหภาพสากลไปรษณีย์ กล่าวคือ มี ชื่อประเทศและราคาในภาษาอังกฤษ และ มีคำว่า "postage" ซึ่งหมายถึงเป็นการชำระค่าไปรษณีย์

ขายแสตมป์ไทย

แสตมป์ไทย

ชุด 12 ปี การสื่อสารแห่งประเทศไทย 25 กุมภาพันธ์ 2532
ราคา 2 บาท (2 Baht)
จำนวนพิมพ์ 3,000,000 ดวง

ชุด 80 ปี กองทัพอากาศ 27 มีนาคม 2538
ราคา 2 บาท (2 Baht)
จำนวนพิมพ์ 2,000,000 ดวง

ชุดมุมมองใหม่เมืองไทย (ชุด 1) 31 พฤษภาคม 2547
ราคา 3 บาท (3 Baht) / แบบ
จำนวนพิมพ์ 800,000 แผ่น แสตมป์เต็มแผ่น 20 ดวง

ชุดแมลง 31 พฤษภาคม 2548
ราคา 5 บาท (5 Baht) / แบบ (มี 4 แบบ)
จำนวนพิมพ์ 1,000,000 ดวง / แบบ


ชุด 30 ปี ความสัมพันธ์ทางการฑูต ระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 กรกฎาคม 2548
ราคา 3 บาท (3 Baht) / แบบ (มี 2 แบบ)
จำนวนพิมพ์ 2,000,000 ดวง / แบบ

ชุด 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทย-สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน 11 กุมภาพันธ์ 2549
ราคา 3 บาท (3 Baht)
จำนวนพิมพ์ 1,000,000 ดวง


ชุดงานแสดงตราไปรษณียากร ภาคพื้นเอเชีย ครั้งที่ 20 (ชุด 1) 1 กุมภาพันธ์ 2550
ราคา 5 บาท (5 Baht)
จำนวนพิมพ์ 1,200,000 ดวง

ชุดราไปรษณียากรทั่วไป (ดอกไม้) 23 เมษายน 2550
ราคา 3 บาท (3 Baht) / แบบ (มี 4 แบบ)
จำนวนพิมพ์ 2,000,000 ดวง / แบบ



ชุดวันเด็กแห่งชาติ 2551 12 มกราคม 2551
ราคา 3 บาท (3 Baht) / แบบ (มี 5 แบบ)
จำนวนพิมพ์ 900,000 ดวง / แบบ




ชุดเทศกาลตรุษจีน 1 กุมภาพันธ์ 2551
ราคา 5 บาท (5 Baht) / แบบ (มี 4 แบบ)
จำนวนพิมพ์ 1,000,000 ดวง / แบบ

ชุดหนุ่มไปรษณีย์ 2 2 มีนาคม 2551
ราคา 3 บาท (3 Baht)
จำนวนพิมพ์ 5,000,000 ดวง


ชุดดอกกุหลาบ 7 กุมภาพันธ์ 2551
ราคา 5 บาท (5 Baht)
จำนวนพิมพ์ 1,200,000 ดวง

ชุดตราไปรษณียากรทั่วไป 17 มีนาคม 2551
ราคา 3 บาท (3 Baht)
จำนวนพิมพ์ 10,000,000 ดวง

ประวัติโปสการ์ด

ประวัติโปสการ์ด ^ ^


ประวัติส่วนตัวภูมิลำเนาเดิม : ประเทศออสเตรเลีย วันเดือนปีเกิด : ไม่ได้ไปแจ้งเกิดจึงไม่ทราบวันเดือนที่เกิด ทราบแต่ปี ค.ศ. 1869 (2412) รูปร่างแรกเกิด :กระดาษเปล่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พัฒนากา :เริ่มมีเสื้อผ้าใส่แลดูสวยงามขึ้น มีภาพประกอบ ผู้อุปถัมภ์ :ประเทศอังกฤษออก พรบ.การไปรษณีย์ พ.ศ. 2445 อนุญาตให้ เขียนข้อความลงบนด้านที่ใช้จ่าหน้าได้ ด้านหนึ่งเป็นภาพสวยงาม ด้านหนึ่งมี ข้อความและชื่อที่อยู่ผู้รับ ยุคทองของโปสการ์ด (The golden age) ค.ศ. 1902- 1918 มีลักษณะที่แตกต่างจากยุคทั่วไป เจ้าของผู้พิมพ์ขายเป็นชุดเพื่อ สะดวกแก่การสะสมและผลกำไรแก่ผู้ซื้อและผู้ขาย ขายได้ทีละหลายๆ ใบ ซื้อ ได้ครั้งละหลายๆ ใบ รูปร่างที่นิยม (ภาพฮิต) ภาพบุคคลสำคัญ นักกีฬา นักการเมือง นักแสดง และบาทหลวง ภาพสถานที่ต่างๆ สถานีรถไฟ ทิวทัศน์ เมือง และหมู่บ้านใน ชนบท ภาพการ์ตูนล้อเลียนประเด็นร้อนในสังคม ประวัติส่วนตัวคุณโปสการ์ด ณ สยามประเทศ ถือกำเนิดขึ้น ปลายรัชกาลที่ 5 ผู้ทำคลอด Robert Lenz ชาวเยอรมัน หัวดีจึงพิมพ์โปสการ์ดออกมา ขาย ผู้ดูแลท่านต่อมา J.Antonio ชาวอิตาเลียน ถ่ายภาพบางกอกและหัว เมืองต่างๆ ได้เยอะมาก หัวใสจึงทำเป็นโปสการ์ดออกมาขายบ้าง การเปลี่ยนแปลง สมัยรัชกาลที่ 6 ชาวญี่ปุ่นไม่ทราบชื่อพิมพ์ออกมาขาย เริ่ม เป็นชาวเอเชียบ้างแล้วที่มีหัวการค้า สมัยรัชกาลที่ 7 ชาวไทยไม่ทราบชื่อ พิมพ์ออกมาขาย (กับเขาบ้าง) ที่อยู่ปัจจุบัน อยู่ทั่วทุกมุมโลก สถานภาพปัจจุบัน มีค่า มีราคา และแจกฟรี และหลังจากที่ได้ไปลองค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าจริงๆ แล้วไปรษณียบัตร ใบแรกที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องก็คือจากรัฐบาลของประเทศฮังการี ส่วน โปสการ์ดที่ซื้อขายกันนั้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศเยอรมัน ปรากฏโปสการ์ดแผ่นแรกคือในปี 1874 ส่วนภาพของโปสการ์ดแผ่นแรกที่ พิมพ์สี่สีคือภาพหอไอเฟลในปี 1889

ความหมายของโปสการ์ด

ความหมายของโปสการ์ด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี : โปสการ์ด (Post card) มีลักษณะเป็นกระดาษแข็ง ด้านหน้าเป็นรูปภาพ ด้านหลัง เป็นส่วนที่ให้เขียนข้อความและที่อยู่ ไม่มีแสตมป์ เวลาส่ง อย่าลืม ติดแสตมป์ด้วยนะแล้วผู้รับปลายทางจะ "ไม่ปลื้ม" แต่ถ้าเป็น ไปรษณียบัตร (Postal card) จัดทำโดยไปรษณีย์ไทย ด้านหน้ามีที่สำหรับใส่ที่อยู่ของผู้รับและผู้ส่ง และมีภาพแสตมป์พิมพ์ติดบนกระดาษ ส่วนด้านหลังเป็นที่ให้เขียนข้อความ สามารถส่งทางไปรษณีย์ได้เลยโดยไม่ต้องติดแสตมป์เพิ่ม มีอัตราค่าส่งถูกกว่าจดหมายธรรมดา เหมาะกับการส่งข้อความที่ไม่ต้องการความเป็นส่วนตัว

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

วิธีทำโปสการ์ด

วิธีทำโปสการ์ด

อุปกรณ์
- รูปที่ต้องการนำมาทำ ( รูปวาดหรือรูปถ่ายก็ได้ ) ขนาด 4x6 - กระดาษอาร์ตมัน 210 แกรม
- กาวน้ำชนิดใส
- ไม้รีดแป้ง (ที่เค้าใช้ทำขนม)
- ที่ตัดกระดาษ - หนังสือเล่มหนา ๆ


วิธีทำโปสการ์ด

กาวน้ำที่ซื้อตามร้านเครื่องเขียน ด้านบนจะเป็นฟองน้ำแผ่นบาง ๆ รูค่อนข้างกว้าง เวลาทากาว จะทะลักออกมาเยอะเกินความจำเป็น อีกอย่างจะทำให้เลอะรูป เสียหายได้ง่ายแป้นใช้เทคนิค " กั้นกาว " โดยนำเศษผ้ามาปิดทับอีก 2 ชั้น รัดด้วยหนังยางไฮโซมาก พันอยู่หลายตลบเพื่อให้กาวซึมออกมาน้อยและทาได้บางที่สุด

ทากาวให้ทั่ว พยายามปิดทับช่องว่างให้เยอะที่สุด ไม่งั้น..การ์ดอาจจะโป่งและติดกันไม่สนิท

ขั้นตอนนี้การวางรูปกับกระดาษด้านหลัง พยายามอย่าให้เลื่อมกันมาก เล็งให้กลาง ๆ เข้าไว้วางประกบกันเมื่อไหร่ จะติดกันเร็วมาก ถ้าดึงเปลี่ยนตำแหน่งอาจจะขาดหรือเป็นขุย ๆ

ขั้นตอนการรีดฟองอากาศด้วยไม้รีดแป้ง ต้องไวหน่อยนะ ถ้ากระดาษติดกันสนิทจะไล่ฟองอากาศออกลำบากหรืออาจจะไม่ได้ ทำให้การ์ดเราโป่งในที่สุด เสี่ยงเสียหายสูงมาก ใช้เองยังไม่เท่าไหร่ ทำขายโปรดระวัง!!

ตัดขอบกระดาษที่เลื่อมกันออก ควรตัดส่วนที่เป็นรูปออกด้วยนิดหน่อยเพื่อความเสมอภาค อย่า..เอาตัวหนังสือติดขอบมาก เวลาตัดจะได้ไม่กลัวแหว่ง ไม่มีที่ตัดกระดาษ ใช้คัตเตอร์ตัดได้

ตัดขอบแล้ว จับใส่ถุงแก้วขนาด 4x6

จับเรียงทุกใบเข้าด้วยกัน หาของหนัก ๆ มาทับเพื่อให้การ์ดเรียบไม่โค้งงอ( ในรูปเป็นตะปูคอนกรีตหนักกล่องละ 1 กก. ) ทิ้งไว้ข้ามคืนยิ่งดี

เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย

จำหน่ายโปสการ์ดสวยๆ

จำหน่ายโปสการ์ด
ร้านเราเป็นแกลเลอรี่ที่ให้บริการจัดจำหน่าย ภาพถ่ายโปสการ์ดออนไลน์ ในแบบต่างๆ อาทิ โปสการ์ดความรัก โปสการ์ดแนวๆ ลายอาร์ต ลายการ์ตูน และอีกมากมาย ถ้าเพื่อนๆคนไหนถูกอกถูกใจลองเข้ามาเลือกดูเลือกชมกันได้เลย หากเป็นที่หมายตาเพื่อนก็สั่งorderมาได้ตามรายละเอียดข้างล่าง

ตัวอย่างโปสการ์ด

วิธีการสั่งซื้อของเรามีด้วยกัน 2 ทาง

1.สั่งจองทางเบอร์โทรศัพท์ 083-9751788 , 028168529

2.สั่งจองทาง E-mail : tam_toktak@hotmail.com

วิธีการชำระเงิน เพียงแค่เพื่อนๆสามารถชำระสินค้าผ่านธนาคาร(กรุณาชำระเงินเต็มจำนวนนะครับ)

ทางธนาคารกสิกรไทย: สาขาย่อยเซ็นทรัลพระรามสอง เลขที่ 421-6-09876-8

ทางธนาคารไทยพาณิชย์:สาขาย่อยเซ็นทรัลพระรามสอง เลขที่ 341-2-17791-2

ช็อปปิ้งง่ายๆๆกับเราแบบสบายสบายแบบนี้ได้ตามวิธีการสั่งซื้อ แต่ต้องรบกวนโอนเงินมาก่อนนะครับ

P.Sอย่าลืมเก็บสลิปการโอนเงินไว้เป็นหลักฐานจนกว่าจะได้รับสินค้าจากทางร้านนะครับ

วิธีการจัดส่งสินค้าทางเราจะจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์

หรือหากต้องการส่งสินค้าทาง EMS รบกวนบวกค่าจัดส่ง 50บาท ด้วยนะครับ